
พระสุนทรโวหาร (ภู่)
(พ.ศ. ๒๓๒๙-๒๓๙๘)
สุนทรภู่เป็นกวีผู้มีชื่อเสียงและรุ่งเรือนมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแต่ชีวิตของท่านต้องมาตกต่ำในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วงนี้ท่านได้ออกบวชและได้แต่งนิราศไว้หลายเรื่องท่านกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้เป็นพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์
ฝ่ายพระราชวังบวร ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวและถึงแก่กรรมในสมัยนี้
วรรณกรรมของสุนทรภู่มีอยู่มากมาย เช่น พระอภัยมณี ลักษณ์วงค์ โคบุตร สิงหไกรภพ กาพย์พระไชยสุริยา สวัสดิรักษา คำกลอน เพลงยาวถวายโอวาท เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศเมืองสุพรรณ นิราศพระประธม นิราศเมืองเพชร นิราศอิเหนารำพันพิลาป ( แต่งในเชิงบันทึกอัตชีวประวัต )
ประวัติบุคคลสำคัญในท้องถิ่น
ประเทศไทยเราสามารถดำรงรักษาความเป็นเอกราชและความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ เป็นเพราะบรรพบุรุษของไทยช่วยกันปกป้องทำนุบำรุง และร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติจนทัดเทียมนานาอารยธรรม ทำให้คนไทยได้อยู่ในประเทศของเราได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข บุคคลสำคัญในท้องถิ่นที่สำคัญมีดังนี้
พระสุนทรโวหาร (ภู่)
พระสุนทรโวหาร (ภู่) ซึ่งคนทั้งหลายมักเรียกกันว่า "สุนทรภู่" เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศง 2324 ในสมัยรัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์
สุนทรภู่ มีนามเดิมว่า ภู่ บิดาเป็นชาวบ้านกร่ำ ในเขตอำเภอแกลง จังหวัดระยอง บิดากลับไปบวชอยู่ที่เมืองแกลงเป็นพระครูธรรมรังสี เจ้าคณะเมืองแกลง ฝ่ายมารดาเป็นนางนมพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง ดังนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ที่พระราชวังหลังกับมารดาและได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้สุนทรภู่ได้รับการศึกษาอบรมให้รู้จักขนบธรรมเนียมของราชสำนักเป็นอย่างดี
เมื่อโตขึ้นสุนทรภู่ได้รับการศึกษาเล่าเรียนที่วัดชีปะขาว (ปัจจุบัน คือ วัดศรีสุดาราม) สุนทรภู่ มีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนมาตั้งแต่เด็กและสามารถแต่งคำประพันธ์ประเภทกลอนได้อย่างไพเราะ สละสลวย แต่เนื่องจากเป็นคนเจ้าชู้และชอบดื่มสุรา ชีวิตของท่านจึงมักประสบปัญหาต่าง ๆ อยู่เนื่อง ๆ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงสนพระทัยให้ความสนับสนุนนักปราชญ์และกวี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้รับสุนทรภู่มารับราชการเป็นอาลักษณ์ สุนทรภู่ได้ทำความชอบในหน้าที่ด้วยการแก้บทกลอนหน้าพระที่นั่งจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยหลายครั้ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนสุนทรโวหารในกรมพระอาลักษณ์
ต่อมาในตอนปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้สุนทรภู่เป็นครูสอนหนังสือถวายพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอาภรณ์
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนทรภู่ต้องตกยากไม่มีเจ้านายองค์ใดอุปถัมภ์ จึงตัดสินใจออกบวช ด้วยเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคารถพระสงฆ์มาก ถ้าบวชเป็นพระใครจะอุปถัมภ์ก็เห็นจะไม่ทรงติเตียน ขณะนั้นสุนทรภู่อายุได้ 41 ปี แรกบวชอยู่ที่วัดราชบูรณะอยู่ได้ 3 พรรษา มีเหตุทะเลาะเกิดขึ้น สุนทรภู่ถูกขับไล่ให้ออกไปจากวัดราษชบูรณะ สุนทรภู่จึงออกจากวัดราชบูรณะไปอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม ไม่ช้าก็ย้ายไปอยู่วัดเทพธิดาราม แล้วจึงย้ายมาอยู่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมเวลาที่สุนทรภู่บวชอยู่ราว 7 พรรษา ก็ลาสิกขา
สุนทรภู่เข้ารับราชการกับพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ แต่ไม่นานพระองค์เจ้าลักขณานุคุณก็สิ้นพระชนม์ ทำให้สุนทรภู่ต้องตกยากอีกครั้งหนึ่ง ต้องลงลอยเรือเที่ยวจอดอยู่ตามสวน หาเลี้ยงชีพด้วยรับจ้างและแต่งพระอภัยมณีขายทำการค้ารายในเรือเล็ก ๆ น้อย ๆ
หนังสือที่สุนทรภู่แต่งเมื่อตอนตกยากครั้งนี้มีหลายเรื่อง ได้แก่ นิราศพระแท่นดงรัก สุภาษิตสอนหญิง และนิทานคำสอนเรื่องลักษณวงศ์ ช่วยกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สุนทรภู่ไปอยู่ที่พระราชวังเดิม ซึ่งเป็นที่เสด็จประทับในสมัยานั้น ต่อมากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพสิ้นพระชนม์ สุนทรภู่จึงได้พึ่งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว
ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้ความอุปถัมภ์ สุนทรภู่จังได้กลับมารับราชการตามเติมและได้เลื่อนตำแหน่งสุนทรภู่ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2392 รวมอายุได้ 69 ปี
สุนทรภู่ เป็นจินตกวีเอกของไทย บทกลอนของท่านมีกระบวนกลอนไพเราะสละสลวยอ่านเข้าใจง่าย และสำนวนกระบวนความประทับใจคนทุกระดับ ผลงานของสุนทรภู่มีมากมายหลายประเภท ได้แก่ นิราศ บทละคร นิทาน สุภาษิต บทเสภา บทเห่กล่อม สุนทรภู่เป็นผู้ริเริ่มแต่งกลอนโดยมีการสัมผัสใน ทำให้กลอนมีความไพเราะขึ้น จนเป็นแบบอย่างการแต่งกลอนในยุคต่อ ๆ มา ผลงานาที่ท่านสร้างไว้แยกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ดังนี้
1) ประเภทนิราศ ได้แก่ นิราศเมืองแกลง นิราศภูเขาทอง นิราศพระบาท นิราศพระแท่นดงรัง นิราศพระประถม นิราศเมืองสุพรรณ นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศเมืองเพชรบุรี
2) ประเภทบทละคร ได้แก่ อภัยนุราช
3) ประเภทนิทาน ได้แก่ พระอภัยมณี โคบุตร พระไชยสุริยา ลักษณวงศ์ สิงหไกรภพ
4) ประเภทสุภาษิต ได้แก่ สวัสดิรักษา สุภาษิตสอนหญิง เพลงยาวถวายโอวาท
5) ประเภทบทเสภา ได้แก่ บทเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม
6) ประเภทบทเห่กล่อม ได้แก่ เห่เรื่องพระอภัยมณี แห่เรื่องโคบุตร เห่เรื่องกากี เห่เรื่องจับระบำ
ผลงานการประพันธ์ของสุนทรภู่ เป็นผลงานทรงคุณค่า ยากที่จะหากวีใดเสมอเหมือน นอกจากมีคุณค่าทางวรรณคดีแล้ว ยังมีข้อคิดและคติสอนใจ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี
สุนทรภู่ได้รับยกย่องเป็น กวีเอกในสมัยรัตนโกสินทร์ และในปี พ.ศ. 2529 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศเกียรติคุณท่านให้เป็น กวีเอกของโลก
ที่มา : ประวัติพระสุนทรโวหาร (ภู่)
วีดีโอประวัติพระสุนทรโวหาร (ภู่)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น